การทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีที่สุดซึ่งสำหรับการทำประมงหรือกิจการท่องเที่ยวทางทะเลในปัจจุบัน ก็มีการใช้เทคโนโลยี gps เพื่อให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยในการลดอุบัติเหตุและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย ดังที่เราได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาฝากกัน ดังนี้
ระบบ GPS คืออะไร
ระบบ GPS มาจาก Global positioning System เป็นการระบุตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ โดยอาศัยข้อมูลจากสัญญาณดาวเทียมที่หมุนรอบโลกอยู่ตลอดเวลา (ใน 1 วันดาวเทียมจะหมุนรอบโลก 2 รอบ) แล้วมีการส่งข้อมูลมายังเครื่องมือแปลงสัญญาณ GPS ซึ่งสำหรับธุรกิจประมงและกิจการในทะเล-มหาสมุทร สามารถใช้เพื่อบอกพิกัดของเรือ เกาะ โขดหิน รวมถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมาย เช่น สัตว์น้ำต่าง ๆ เพื่อให้การเดินเรือแต่ละครั้งสามารถบรรลุผลที่ตั้งใจและประสบปัญหาน้อยลง
ข้อดีของการใช้ GPS เพื่อธุรกิจทางทะเล
ในธุรกิจการประมงและกิจการทางน้ำอื่น ๆ การจะออกเรือแต่ละครั้ง จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งยังเสี่ยงต่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน การมี GPS จึงช่วยให้ประโยชน์อย่างมาก ดังนี้
1. ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ควบคู่กับการติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศ ทำให้การตัดสินใจวางแผนเส้นทางเดินเรือดีขึ้น
2. ช่วยเตือนภัยแก่ผู้บังคับเรือ ด้วยระบบเสียงและระบบเรดาร์ (Radar) หากมีสิ่งกีดขวาง ทำให้ป้องกันอันตรายได้ดียิ่งขึ้น
3. ช่วยบอกตำแหน่งเป้าหมายในการจับสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ปลา ได้ดียิ่งขึ้น
4. ช่วยในการระบุตำแหน่งของร่องน้ำ ที่อาจจะเป็นปัญหาทำให้การเดินเรือติดขัด ป้องกันเรือเกยตื้นหรือติดโขดหิน ซึ่งทำให้การทำธุรกิจเสียหาย มีสินค้าเน่าเสียและการส่งสินค้าไปถึงลูกค้าปลายทางล่าช้าจนทำให้ถูกปรับได้
5. ช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำได้ดีขึ้น เช่น การแสดงเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ หรือเขตปะการัง ก็จะทำให้เรือประมงไม่เข้าไปในบริเวณนั้น
6. ลดปัญหาการฝ่าฝืนกฎหมาย จากการเข้าไปในเขตที่ทางการหวงห้าม และการข้ามเส้นเขตพรมแดนต่าง ๆ
ราคาของเครื่อง GPS ทางทะเล
สำหรับการทำธุรกิจประมง ควรมองหา GPS fish finder เพื่อการหาตำแหน่งของปลาทะเลที่ต้องการ โดย ตัวอย่างเครื่องที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ รุ่น Humminbird 386ci combo รุ่น Garmin Striker Plus 7 CV และรุ่น Matsutec CVYL-TR52B ซึ่งเฉลี่ยราคาจะอยู่ที่เครื่องละ 10,000 – 20,000 บาท
การทำธุรกิจประมงและกิจการทางทะเลในปัจจุบัน จึงควรให้ความสำคัญกับการเทคโนโลยี GPS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดปัญหาด้านความเสี่ยง เช่น อุบัติเหตุทางทะเล การรุกล้ำพื้นที่ทางทะเล ฯลฯ และยังเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในการช่วยอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติทางทะเลให้คงอยู่ยาวนานตลอดไป